วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2559

โปรแกรมสร้างวีดีโอ premiere pro cs6



การทำงานกับโปรแกรมการสร้างวีดีโอ Premiere Pro
คอมพิวเตอร์ที่ใช้ควรจะมีปริมาณ Ram ที่ค่อนข้างมาก และไม่ควรต่ำกว่า 12 GB และอีกส่วนที่สำคัญคือ Graphic Card ควรจะมี Ram เป็นของตัวเองอย่าง 1 - 2 GB

พื้นที่การทำงาน Workspace
สามารถเลือกรูปแบบ Preset ได้หลายรูปแบ หรือจะทำการจัดเรียงเพื่อให้เกิดรูปแบบที่เราต้องการก็ได้เหมือนโปรแกรมทั่วไปในตระกูล Adobe


วิธีการเปิดใช้ Workspace
ใช้เมนู Windows - Workspace แล้วเลือกรูปแบบที่ต้องการ ในแถบของ Workspace จะมีรายการ Import Workspace from Project ถ้าคลิกเลือกตัวนี้ไว้ จะเป็นการกำหนดให้ระบบจำ Workspace ล่าสุดที่มีการใช้งาน


เมื่อเลือกรูปแบบ Workspace ได้แล้ว แต่ต้องการ Panel ใด ก็เพียงคลิกส่วนหัวของ Panel นั้นแล้วลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อลาไปที่ Frame ใด จะมีแสงสีม่วงแสดงตำแหน่งที่จะวาง โดยสามารถแบ่งตำแหน่งต่างๆ ได้เป็น 5 ส่วนด้วยกัน คือ บน ล่าง ซ้าย ขวา หรือตรงกลาง Frame

แต่ละส่วนของหน้าต่าง Workspace จะมีแถบที่สามารถคลิกแถบที่อยู่เหนือ Panel นี้เพื่อเลื่อนดู Panel ต่างๆ ซึ่งรวมอยู่ได้
Workspace Editing
จะเป็นพื้นที่การทำงานในการสร้างชิ้นงานปกติ ซึ่งจะประกอบด้วยพื้นที่ทั้งหมด 4 Frame ด้วยกัน ประกอบด้วย



Source Panel = ส่วนที่ใช้แสดงภาพจากส่วนของ Project Panel (ซ้านบน)
Project Panel = สำหรับเปิดหา Drive / File ต่างๆ (ซ้ายล่าง)
Program Panel = ส่วนที่แสดงภาพของชิ้นงานในส่วนของ Sequence (ขวาบน)
Sequence = ส่วนที่ใช้ในการสร้างงานวีดีโอ (ขวาล่าง)


ในส่วนของ Frame ด้านล่างซ้าย คือ Project Panel สามารถปรับ View เป็น List view หรือ Icon View ได้ด้วยการคลิกที่ไอคอนซึ่งอยู่ด้านล่างของ Frame และยังสามารถคลิกเพื่อเลื่อนปรับแถบ Size ที่อยู่ติดกันเพื่อปรับขนาดได้ด้วย

การปรับตั้งค่าพื้นฐานของโปรแกรม
สามารถปรับได้จากในส่วนของ Preference โดยการเปิดที่เมนู Edit - Preference และทำการตั้งปรับค่าส่วนต่างๆ ให้ตรงกับความต้องการ สำหรับการตั้งค่านี้จะเขียนเพียงบางส่วนเท่านั้น เช่น
General = ควรปรับตั้งค่าที่ส่วนของ Video Transition กับ Audio Transition
Appearance = ใช้ในการปรับค่าความสว่างของโปรแกรม
Auto Save = ใช้ในการปรับตั้งการบันทึกชิ้นงานแบบอัตโนมัติ


การเปิดภาพ และสำรวจพื้นที่โปรแกรม
เมื่อได้กำหนด Workspace แล้ว ก็พร้อมที่จะเริ่มชิ้นงาน การสร้างงานวีดีโอก็จะมีการเปิดภาพ ซึ่งเปิดได้จากในส่วนของ Media Browser Panel ส่วนนี้จะเหมือนกับในส่วนของ Explorer เพื่อใช้ในการเลือก Disk Drive และ file ต่างๆ







การ Import Video File and Folder
สิ่งสำคัญ จะต้องบันทึก File จากเครื่องถ่ายวีดีโอมาเก็บไว้ที่ Hard Disk ของคอมพิวเตอร์ก่อน จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ Project Panel หรือใช้เมนู File - Import หรือคลิกเลือกที่ Media Browser Panel จากที่ซึ่งเก็บ File ในคอมพิวเตอร์ การทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเปิดหน้า Explorer จากนั้นเมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ File ในส่วนของ Project Panel ก็จะแสดงขึ้นมาในส่วนของ Source Panel


การเปิด File ให้แสดงในส่วนของ Source Panel
ทำได้โดยการคลิก file จากส่วนของ Project Panel หรือจะทำการลาก file เข้าไปยังพื้นที่ของ Source Panel โดยตรงก็ได้ ถ้าต้องการดู File ที่อยู่ใน Folder ว่ามี file อะไรบ้าง ให้กดปุ่ม Ctrl แล้วคลิกที่ folder นั้น ก็จะแสดงทุก file ขึ้นมา


ถ้าเป็น Video File สามารถนำเม้าส์ Hover เข้าไปที่ Video Thumbnail ก็จะเห็นภาพวีดีโดโอเคลื่อนไหวตามการลากเม้าส์ไปด้วย และสามารถเลือกประเภท file โดยการพิมพ์ในชอ่ง Search เพื่อเลือก file ได้ด้วย

การเปลี่ยนชื่อ File ในส่วนของ Project Panel
ทำได้โดยการคลิกที่แถบชื่อแล้วพิมพ์เปลี่ยน ถ้าต้องการเพิ่ม Sequence ก็เพียงคลิกชื่อ หรือไอคอนของ File นั้นมาที่ New Item ซึ่งเป็นไอคอนที่อยุ่ส่วนล่างของ Panel นี้ จากนั้นก็สามารถลาก Sequence ใหม่นี้เข้าไปในส่วนของ Timeline ได้


สามารถกำหนดให้แสดงเฉพาะ Audio Waveform ก็ได้ โดยการคลิกลูกศรบนแถบ Source Panel เลือกเป็น Audio Waveform แทน Composite Video

การนำ File Video เข้าสู่ส่วนของ Program Frame (Sequence)
เพียงคลิกลากจากส่วนของ Source มาที่ส่วนของ Program หรือจะลากมาที่ส่วนของ Timeline ก็ได้เช่นกัน


การจับภาพจากวีดีโอ Capture Video Screen
ขั้นแรกจะต้องเลือกประเภทการ Capture จากหน้า New Project ว่าจะจับภาพแบบ DV หรือ HDV ส่วนมาแล้วจะเลือกเป็น DV เลือก Location ที่จะเก็บ Capture File และทำการตั้งชื่อ Project ด้วย จากนั้นเลือก Sequence ให้เป็น DV เช่นกัน


จากนั้นโดยการใช้เมนู File - Capture หน้าต่าง Capture เปิดขึ้นมา ภาพที่ได้จากการจับภาพจะมีนามสกุลเป็น DV การทำเช่นนี้จะต้องมีกล้องวีดีโอต่อกับคอมพิวเตอร์ก่อน

เริ่มการ Capture โดยให้กดปุ่ม Rewind วีดีโอกลับไปให้อยู่ในส่วนต้น จากนั้นตั้งชื่อในแถบของ Clip Data โดยตั้งชื่อในส่วนของ Tape Name และ Clip Name แล้วกดปุ่ม Tape ในแถบของ Capture เพื่อเริ่มการ Capture เมื่อ Capture เสร็จแล้ว โปรแกรมก็จะหยุดการ Capture แล้วจะกลับไปสู่หน้าปกติกของโปรแกรม ก็จะมี file ต่างๆ แสดงที่ Project Panel ให้ทำการดับเบิ้ลคลิกที่ file วีดีโอ ก็จะแสดงขึ้นมาใส่วนของ Source Panel





http://giveuwblog.blogspot.com/2012/12/premiere-pro-cs6.html

สอน after effect เบื้องต้น – Keyframe Assistants

1. ในการเลือก keyframe ทีละมากๆ เราอาจจะใช้วิธีการลากคลุม keyframeที่เราต้องการ โดยใช้เครื่องมือ selection tool โดยถ้ามีตัวไหนที่ไม่ต้องการติดมาด้วย ให้กด shift แล้วคลิกไปที่ตัวนั้นเพื่อยกเลิก

2. การเลือก keyframe ทั้งหมดใน layer อาจจะคลิกไปที่ property จะเป็นการเลือก keyframe ทั้งหมด
3. การเลือกkeyframe ทั้งหมดในcomposition ให้เรากดshortcut Ctrl + Alt + a
4. ยกเลิกการใช้keyframes ทั้งหมด ให้เลือกที่ property นั้นแล้วไปคลิกที่ไอคอนนาฬิกา (stopwatch)
5. การลากkeyframe ให้วางตำแหน่งพอดีกับtime indicator ให้เรากดshift ค้างหลังการลาก ตัว keyframeจะถูกดูดไปติดกับ time indicator
6. การลาก keyframe ให้เคลื่อนที่ทีละเฟรม ให้เรากด alt ค้างแล้วกดลูกศรไปยังทิศทางที่ต้องการ แต่ถ้าต้องการทีละ 10 เฟรม ให้กด alt + shift แล้วกดลูกศรไปยังทิศทางที่ต้องการ

Copy and Paste Keyframes
เราสามารถ copy keyframe จาก propertyอันนึง ไปวางบน propertyอีกอันได้ โดย propertyทั้งสองจะต้องมีรูปแบบการใส่ค่าที่เหมือนกัน เช่น เราก็อปปี้ keyframe จาก position ซึ่งประกอบไปด้วยค่า x,y สามารถนำไปวางใน anchor point ได้ เพราะประกอบด้วยค่า x,y เหมือนกัน แต่ถ้าเราเอาไปวางไว้ที่ scale จะไม่สามารถทำได้ จะขึ้น error ตามภาพ เพราะ scale ประกอบด้วยค่าขนาดที่เป็นเปอร์เซ็นต์
Motion Sketch
สอน after effect เรื่องต่อไปจะเกี่ยวกับการทำอนิเมชั่นของตำแหน่ง โดยใช้คำสั่งที่เรียกว่า Motion Sketch เราสามารถกำหนดkeyframeได้อย่างอิสระ โดยใช้ mouse ในการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ เราไปดูวิธีทำกันเลยครับ
1. เตรียม layer ที่จะทำ จากนั้นไปเลือกที่ Window – Motion Sketch
2. ค่าCapture Speed ที่ 100 คือ ที่ความเร็วในการ captureปกติ ถ้าเราตั้งค่ามากกว่า 100 จะเป็นการทำ speed capture ส่วนการตั้งค่าน้อยกว่า 100 จะเป็นการทำ slow capture ส่วนค่า smoothถ้ายิ่งตั้งค่ามาก จะทำให้ได้จำนวนkeyframe น้อยลง ส่งผลให้การเคลื่อนที่ smoothขึ้น
3. ให้เราทำการกดปุ่ม start capture เมื่อเราคลิกเม้าส์เมื่อไร เวลาจะเริ่มเดินพร้อมทั้งเสียงเพลง เมื่อเราปล่อยเม้าส์จะเป็นการหยุดหรือถ้าเวลาหมด มันก็จะหยุดเอง หลังจากเสร็จสิ้นจะเกิดkeyframe ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
4. เราใช้หลักการเดียวกันนี้ทำกับ dummy layer เช่น solid layer แล้ว copy ค่าที่ได้ไปใส่ไว้ในeffect เช่น Lens Flare
Smoother
หลังจากที่เราได้ใช้คำสั่ง Motion Sketch บางครั้งการเคลื่อนที่ยังดูไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร แม้ว่าจะพยายามปรับค่า smooth ในฟังก์ชั่นของ Motion Sketch แล้วก็ตาม เราใช้คำสั่ง Smoother ที่ช่วยให้การเคลื่อนที่ มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น
1. เตรียม layer ที่ได้ทำ Motion Sketch ไว้แล้ว จากนั้นเลือกที่ Window – Smoother
2. ในช่องของSmoother จะมีคำสั่งว่าApply to ถ้าเป็นPosition จะเป็นแบบSpatial Path ส่วนถ้าเป็นproperty แบบอื่นๆ เช่น opacity จะเป็นแบบTemporal Graph ลองปรับค่าTolerance ดูแล้วกดapply ดูผลที่เกิดขึ้น ถ้ายังไม่พอใจให้ undo แล้วปรับค่าTolerance ใหม่
Auto-Orient Rotation
เป็นคำสั่งที่ใช้สำหรับให้วัตถุหมุนไปตามทิศทางที่เราได้กำหนดไว้ เช่น เราให้ผีเสื้อเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เรากำหนด แต่ถ้าผีเสื้อไม่หมุนหัวตาม ก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ
1. เตรียม layer ที่ได้จัดตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว
2. คลิกเลือกไปที่Position property ใน Timelineแล้วเลือกคำสั่ง Layer – Transform – Auto-Orient
3. เลือก Orient Along Path
4. ปรับองศาการวางตำแหน่งของจุดเริ่มต้นใหม่ โดยปรับ rotation ไปที่ 90 องศา
5. คราวนี้หัวของผีเสื้อก็จะหมุนไปตามทิศทางที่เรากำหนดแล้วครับ
Spatial Path and Temporal Graph
ฟังก์ชั่นที่เกี่ยวกับ animationส่วนมาก จะมีค่า parameter ให้เลือกว่าจเป็นแบบspatial path หรือ temporal graph ความแตกต่างของมันก็คือ แบบ spatial มันจะเกี่ยวข้องกับแกน XYZ เช่นPosition, Anchor point และก็ Effect point แบบต่าง แต่ Propertiesส่วนมากจะใช้แบบ Temporal แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เราสามารถแก้ไขค่าต่างๆได้ในภายหลังครับ
The Wiggler
เป็นฟังก์ชั่นการทำงานที่จะสร้าง keyframeแทรกขึ้นมาใหม่ระหว่าง keyframe ทั้งสอง โดยกำหนดค่าแบบ random Layer ที่จะใช้งานคำสั่งนี้ต้องมี keyframesอย่างน้อย 2 keyframes ลองมาดูค่าต่างๆใน Wigglerกัน
1. Window - Wiggler
2. ในหน้าต่างของ Wiggler จะมีค่าที่น่าสนใจ ดังนี้
Apply To เราสามารถเลือกเป็นSpatial หรือ Temporal
- Noise Type ต้องการให้ราบเรียบมากหน่อยหรือแบบสั่นเยอะๆ
Dimension ทิศทางที่ต้องการทำ ถ้าเราใช้ค่า All Independently จะเหมาะกับ Position ส่วนAll the same จะเหมาะกับ Scale
- Frequency จำนวนของ keyframe ที่จะสร้างขึ้นมา
Magnitude ค่าของparameter จะ random ไปขนาดไหน
3. วิธีใช้ Wigglerให้เราคลิกไปที่ propertyของเรา จากตัวอย่าง คือ positionเสร็จแล้วไปตั้งค่าตามข้อ 2 จากนั้นกดapply จะมี keyframeเกิดขึ้นมา
Time-Reverse Keyframes
สอน after effect เรื่องต่อไป ผมจะขอแนะนำการทำอนิเมชั่นแบบย้อนกลับ เช่นจากการเดินหน้าก็ให้เดินถอยหลัง เรามีขั้นตอนวิธีทำที่ง่ายมาก ดังนี้
1. คลิกเลือก keyframe ที่ต้องการทำ reverse แล้วคลิกขวา Keyframe Assistant – Time-Reverse Keyframes
2. ถ้าเราต้องการทำ reverse ทั้งหมดทุกkeyframes ให้คลิกเลือกproperty ก่อน ในที่นี้ คือ Position เพื่อเป็นเลือกkeyframes ทั้งหมด แล้วไปที่ Toolbar – Animation – Keyframes Assistant – Time-Reverse Keyframes
Exponential Scale
สอน after effect เรื่องต่อไปจะขอแนะนำเกี่ยวกับการใช้exponential scale ครับ ยกตัวอย่างเมื่อเราทำการ scale เริ่มตั้งแต่ 0ไปจนถึง 1000ผลที่ได้จะเป็นดังภาพครับ คือ การเคลื่อนที่จะเร็วมากในช่วงแรก ในตอนหลังๆการเคลื่อนที่จะช้าลง เหตุผลเนื่องมาจากความสัมพันธ์ในการเพิ่มค่าของแต่ละช่วงไม่เท่ากันครับ
เรามีวิธีแก้ไขให้การเคลื่อนที่ในแต่ละ keyframeมีอัตราที่คงที่ เราไปดูทีละขั้นตอนครับ
1. ให้ตั้ง keyframeแรกจาก 0% เป็น 2%
2. คลิกเลือกไปที่Scale เพื่อเลือก keyframesทั้งหมดแล้วไปที่ Animation – Keyframe Assistant – Exponential Scale
3. จะมีkeyframes เกิดขึ้นมามากมาย และจะมีรูปแบบการเคลื่อนที่เป็นแบบ exponential ซึ่งจะมีความเร็วคงที่

www.effectvideo.com

การตัดต่อภาพเฉพาะส่วน

1. เตรียมรูปภาพที่จะต้องตัดต่อ มา 2 รูป








2.เปิดโปรแกรม Photoshop CS6 และ Open ไฟล์รูปภาพทั้งสองรูปภาพขึ้นมา




3.ใช้เครื่อมือที่ชื่อว่า Quick Selection Tools และค่อยๆลากตามเส้นของภาพที่ต้องการตัดต่อ





4.ไปที่ภาพที่เราต้องการวาง  กด Ctrl + T เพื่อปรับขนาดรูปภาพ




5.ปรับภาพที่ตัดมาแล้วให้เข้ากับมุมมองของภาพที่ต้องการนำไปต่อ
(Image -> Adjustment
->Hue/Satuation....)
(Image -> Adjustment->Vibrance...)





6.ปรับแสง-เงาของภาพและสี ให้สอดคล้องกับบรรยากาศรอบข้างของภาพที่ต้องการนำไปต่อ



https://sites.google.com/site/photoshop9895/kar-tad-tx-phaph-chephaa-swn

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์

    ความหมาย ระบบการโอนถ่ายข้อมูลหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างต้นทางหรือปลายทางโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร โมเด็ม คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ดาวเทียม ควบคุมการส่งและการไหลของข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง
      
    องค์ประกอบระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์
1.ข่าวสาร (Message) เป็นข้อมูลรูปแบบต่างๆ
2.ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender)
3.สื่อหรือตัวกลาง (Media) เป็นสื่อหรือช่องทาง ที่ใช้ในการนำข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง
4.ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล (Receiver)
5.กฎ ข้อตกลง ระเบียบวิธีการรับส่ง(protocol)

    
    สื่อหรือตัวกลางของระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับคอมพิวเตอร์
1.สื่อหรือตัวกลางประเภทมีสาย
1.1 สายคู่บิดเกลียว (twisted pair) มี 2 ชนิด คือ
– สายคู่บิดเกลียวไม่มีฉนวนหุ้ม (Unshielded Twisted Pair : UTP)
– สายคู่บิดเกลียวมีฉนวนหุ้ม (Shielded Twisted Pair : STP)
1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) เป็นสื่อกลางที่มีส่วนของสายส่งข้อมูล
เป็นลวดทองแดงอยู่ตรงกลาง หุ้มด้วยพลาสติก ส่วนชั้นนอกหุ้มด้วยโลหะหรือฟอยล์ถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน
1.3 สายใยแก้วนำแสง (Fiber-optic cable) เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งข้อมูลในรูปแบบของแสง

2.สื่อหรือตัวกลางประเภทไร้สาย
2.1 คลื่นไมโครเวฟ (Microwave) เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูง
ส่งข้อมูลโดยอาศัยสัญญาณไมโครเวฟซึ่งเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
เหมาะกับการส่งข้อมูลในพื้นที่ห่างไกลกันมากๆ หรือพื้นที่ทุรกันดาร
2.2 ดาวเทียม (Satellite) ในการส่งสัญญาณดาวเทียมนั้น จะต้องมีสถานี
ภาคพื้นดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขึ้นไปบนดาวเทียม

2.3 แอคเซสพอยต์ (Access Point)

รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย
1.การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบบัส (bus network) เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่องบนสายสัญญาณหลักเส้นเดียว ที่ปลายทั้งสองด้านปิดด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า Terminator ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องใด เครื่องหนึ่ง เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เครื่องใดหยุดทำงาน ก็ไม่มีผลกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ในเครือข่าย การรับส่งสัญญาณบนสายสัญญาณต้องตรวจสอบสายสัญญาณ BUS ให้ว่างก่อน จึงจะสามารถส่งสัญญาณไปบนสาย BUS ได้
2. การเชื่อต่อเครือข่ายแบบวงแหวน (ring network) การเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมต่อจากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง จนครบวงจร ในการส่งข้อมูลจะส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการส่งผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสู่เครื่องหนึ่งจนกว่าจะถึงเครื่องปลายทาง ปัญหาของโครงสร้างแบบนี้คือ ถ้าหากมีสายขาดในส่วนใดจะทำ ให้ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
3. การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบดาว (Star network)  เป็นการเชื่อมต่อสายสื่อสารจากคอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องไปยังฮับ (hub) หรือ สวิตช์ (switch) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สลับสายกลางแบบจุดต่อจุดเป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อ วงจรเชื่อมโยงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ติดต่อสื่อสารถึงกัน
4. เครือข่ายแบบ Hybrid เป็นการเชื่อมต่อที่ผสมผสานเครือข่ายย่อยๆ หลายส่วนมารวมเข้าด้วยกัน เช่น นำเอาเครือข่ายระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เหมาะสำหรับบางหน่วยงานที่มีเครือข่ายเก่าและใหม่ให้สามารถทำงานร่วมกัน

อุปกรณ์เครือข่าย
1. ฮับ (hub) เป็นอุปกรณ์ที่ทวนและขยายสัญญาณเพื่อส่งต่อไปยังอุปกรณ์อื่นให้ได้ระยะทางที่ยาวไกลขึ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลก่อนและหลังการรับส่งและไม่มีการใช้ซอฟแวร์ใด ๆ มาเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ชนิดนี้ การติดตั้งทำได้ง่าย
2. โมเด็ม (modem) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณอนาล็อก(Analog signal)ให้เป็นสัญญาณดิจิทัล (Digital Signal)และในทางกลับกันก็แปลงสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณอนาล็อก
3. การ์ด LAN (Network Interface Card – NIC) เป็นการ์ดสำหรับต่อเครื่องพีซีเข้ากับสาย LAN
4. สวิตช์ (Switching) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายช่องทางการสื่อสารข้อมูลหลายช่องทางการสื่อสารข้อมูลหลายช่องทางในระบบเครือข่ายคล้ายHubแต่ต่างกันในเรื่องของกรทำงานและความเร็ว คือ แต่ละช่องสัญญาณ (port) จะใช้ความเร็วเป็นอิสระต่อกันตามมาตรฐานความเร็ว
5. เราท์เตอร์ (router) เป็นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมโยงให้เครือข่ายหลายเครือข่ายที่มีขนาดต่างกันหรือใช้มาตรฐานการส่งผ่านข้อมูล (Transmission) ต่างกันสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้



วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี มักจะเรียกกันด้วยชื่อสั้น ๆ ว่า "สุราษฎร์" ใช้อักษรย่อ "สฎ" เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ และมีประชากรหนาแน่นอันดับ 59 ของประเทศ นับเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีหลักฐานทั้งประวัติศาสตร์และโบราณคดีเก่าแก่ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง
จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขา รวมทั้งที่ราบชายฝั่ง มีพื้นที่ครอบคลุมถึงในบริเวณอ่าวไทย ทั้งบริเวณที่เป็นทะเลและเป็นเกาะ เกาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์มีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก เกาะขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักเช่นเกาะสมุย เกาะพะงัน และหมู่เกาะอ่างทอง เนื่องจากทำเลที่ตั้งจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดบริเวณทะเลอันดามันบ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากจะมีแนวเทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาภูเก็ต และเทือกเขานครศรีธรรมราช แถบบริเวณจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแนวช่วยลดอิทธิพลของลมมรสุมดังกล่าว ในทางกลับกันพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมกราคม
ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีจำนวนเกาะในเขตพื้นที่จังหวัดมากถึง 108 เกาะ นับว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองมาจากจังหวัดพังงาที่มี 155 เกาะ และจังหวัดภูเก็ตที่มี 154 เกาะ
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรเป็นหลัก โดยใช้พิ้นที่ในการทำการเกษตรประมาณร้อยละ 45 ของพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังประกอบอาชีพทางด้านปศุสัตว์ ประมง อุตสาหกรรม รวมทั้งมีการทำเหมืองแร่ด้วย
ส่วนการเดินทางมายังจังหวัดสุราษฎร์ธานีสามารถใช้ได้หลายเส้นทาง ทั้งทางรถไฟ เครื่องบิน รถโดยสารประจำทาง เรือ และรถยนต์ส่วนบุคคล
สถานที่สำคัญภายในจังหวัดนั้น มีทั้งแหล่งโบราณสถาน เช่น พระบรมธาตุไชยา พระธาตุศรีสุราษฎร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา ซากเมืองโบราณสมัยอาณาจักรศรีวิชัย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติทั้งอุทยานแห่งชาติทางบก และอุทยานแห่งชาติทางทะเล น้ำตก เกาะ แม่น้ำ เขื่อน วัด และพระอารามหลวง เป็นต้นและยังเป็นแหล่งสืบสานประเพณีที่สำคัญของชาวใต้ คือประเพณีชักพระ ทอดผ้าป่าและแข่งขันเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีผลิตผล และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เป็นที่รู้จัก เช่น ไข่เค็มไชยา หอยนางรม และเงาะโรงเรียน ดังที่ปรากฏในคำขวัญของจังหวัด

ประวัติจังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่ตั้งของเมืองเก่า เป็นศูนย์กลางของเมืองศรีวิชัย มีหลักฐานแสดงถึงการตั้งรกรากและเส้นทางสายไหมในอดีต พื้นที่อ่าวบ้านดอนเจริญขึ้นจนเป็นอาณาจักรศรีวิชัยในช่วงหลังพุทธศตวรรษที่ 13 โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องยืนยันความรุ่งเรืองในอดีต ภายหลังยังเชื่อว่า เมื่ออาณาจักรตามพรลิงก์หรือเมืองนครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรืองมากขึ้นนั้น เมืองไชยาก็เป็นหนึ่งในเมืองสิบสองนักษัตรของเมืองนครศรีธรรมราชด้วย ชื่อว่า "เมืองบันไทยสมอ"

นอกจากนี้ในยุคใกล้เคียงกันนั้นยังพบความเจริญของเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณลุ่มแม่น้ำตาปี ได้แก่ เมืองเวียงสระ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองท่าทอง โดยเชื่อว่าเจ้าศรีธรรมาโศก ผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราชนั้นอพยพย้ายเมืองมาจากเมืองเวียงสระ เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล รวมทั้งเกิดโรคภัยระบาด และเมื่อเมืองนครศรีธรรมราชเจริญรุ่งเรืองนั้น ได้ยกเมืองไชยา และเมืองท่าทอง เป็นเมืองสิบสองนักษัตรของตนด้วย

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งอู่เรื่อพระที่นั่งและเรือรบเพื่อใช้ในราชการที่อ่าวบ้านดอน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ย้ายที่ตั้งเมืองท่าทองมายังอ่าวบ้านดอน (ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีในปัจจุบัน) พร้อมทั้งยกฐานะให้เป็นเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร และพระราชทานชื่อว่า "เมืองกาญจนดิษฐ์" โดยแต่งตั้งให้พระยากาญจนดิษฐ์บดีเป็นเจ้าเมืองดูแลการปกครอง

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองกาญจนดิษฐ์ เมืองคีรีรัฐนิคม และเมืองไชยาเป็นเมืองเดียวกัน เรียกว่า "เมืองไชยา" ภายใต้สังกัดมณฑลชุมพร

เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนการปกครองและขยายเมืองออกไป มีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่ อ่าวบ้านดอน ให้ชื่อเมืองใหม่ว่า อำเภอไชยา และให้ชื่อเมื่องเก่าว่า "อำเภอพุมเรียง" แต่เนื่องด้วยประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา" ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานนามเมืองใหม่ที่บ้านดอนว่า "สุราษฎร์ธานี" และให้ชื่อเมืองเก่าว่า "อำเภอไชยา"และพระราชทานนามแม่น้ำตาปี ให้ในคราวเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในประเทศอินเดียที่มีแม่น้ำตาปติไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่เมือง สุรัฎร์

สัญลักษณ์ประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ตราประจำจังหวัด คือ พระบรมธาตุไชยา ซึ่งมีศิลปะแบบศรีวิชัย ตั้งอยู่ ณ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร โดยสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-14 และเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วย ต้นไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ต้นเคี่ยม (Cotylelobium melanoxylon)ตั้งอยู่อำเภอวิภาวดีดอกไม้ประจำจังหวัด ได้แก่ ดอกบัวผุด (Rafflesia kerrii) ตั้งอยู่อำเภอพนมคำขวัญประจำจังหวัด ได้แก่ เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะคำขวัญประจำจังหวัดในอดีต แต่งโดยพระเทพรัตนกวี (ก.ธรรมวร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี: "สะตอวัดประดู่ พลูคลองยัน ทุเรียนหวานมันคลองพระแสง ย่านดินแดงของป่า เคียนซาบ่อถ่านหิน พุนพินมีท่าข้ามแม่น้ำตาปี ไม้แก้วดีเขาประสงค์ กระแดะดงลางสาด สิ่งประหลาดอำเภอพนม เงาะอุดมบ้านส้อง จากและคลองในบาง ท่าฉางต้นตาล บ้านนาสารแร่ ท่าทองอุแทวัดเก่า อ่าวบ้านดอนปลา ไชยาข้าว มะพร้าวเกาะสมุย"ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะรูปร่างของจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับ "ผีเสื้อที่กำลังกางปีกโบยบินอยู่"เพลงประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี รุ่งเรืองสมเมืองคนดี อีกธารตาปี นามพระธีรราชประทาน เป็นแดนอุดมไม้ปลา มะพร้าวมาเนิ่นนาน เหล่าราษฎร์สุขศานต์ มุ่งมั่นขยันทำกิน มิ่งขวัญ ชาวเมือง มีองค์พระธาตุพุทธศาสน์ประเทือง ถิ่นชนกตัญญูยิ่ง เมตตาอยู่อาจิณ ร่วมรักแผ่นดิน คนดี นี้ไชโย